เคล็ดลับของ ความสุขที่สำคัญที่สุด คือ ความสัมพันธ์ที่ดี

 อยากมีความสุขต้องรักษาความสัมพันธ์ให้ดี

                                  ความสัมพันธ์ที่ดี คือ สิ่งที่สำคัญมากที่สุด ในการมีชีวิตที่มีความสุข ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญเหนือกว่า  เรื่องเงินทอง สุขภาพ ชื่อเสียง ทั้งปวง มี งานวิจัยมากมายที่บ่งชี้ว่า  ความสัมพันธ์ที่ดี เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตที่มีความสุข  ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยเรื่องปรับอารมณ์และลดความเครียด  ( 1 ) นอกจากนี้ความสัมพันธ์ที่ดียังช่วยให้ มีความพึงพอใจในชีวิต ( 2 ) ( 3 ) หากอยากมีความสัมพันธ์ที่ดี  ผู้เขียน ขอแนะนำ เคล็ดวิชาดังต่อไปนี้ 

1 การรับฟัง

2 การจ้องชมเชย

3 บัญชีออมใจ

4 มีอารมณ์ดี

5 มีทัศนคติที่ดี

อธิบาย

1 การรับฟัง  เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสาร  คนปัจจุบันนี้ หลายคนไม่ใส่ใจ รับฟังคนอื่น การไม่รับฟัง มีผลเท่ากับ  การด้อยค่า การไม่ให้ความสำคัญ ถือเป็นเรื่องดูถูกอย่างมาก  เมื่อคนเราไม่รับฟังกัน  การตั้งใจฟังจะทำให้เข้าใจกันมากขึ้น   เมื่อเข้าใจกันมากขึ้น คุณจะมีความเห็นอกเห็นใจกัน ทำให้ความขัดแย้งลดลง และ เมื่อเราตั้งใจฟังจริงๆ  คนพูดจะรู้สึกดีกับเรามากขึ้น และนี่คือก้าวแรกของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี 

2 การจ้องชมเชย คนส่วนใหญ่ มักคอยจ้างจับผิดซึ่งผลที่ได้ มีแต่จะทำลายความสัมพันธ์ที่ดีลงไป  ในทางตรงกันข้าม  การจ้องจับถูก การชมเชยอย่างจริงใจ จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น  คนที่ถูกชมเชยจะดีใจ  แล้วมีความสุขมากขึ้น  โดยเฉพาะการพูดความจริง การชมแบบจริงใจ จะยิ่งได้ผลดีเป็นสองเท่าเลย เทคนิคนี้ นำมาจาก หนังสือ วาฬบอกเยี่ยม ครับ

3 บัญชีออมใจ คือ รายการความดี การกระทำที่ดี ที่เราทำเพื่อคนที่เรารัก หรือ ทำเพื่อคนสำคัญของชีวิต โดย  ทำสิ่งดีๆ แล้ว จดบันทึกไว้ หลังจากนั้น ก็หาโอกาส ทำ กิจกรรมดีๆ เพื่อคนที่เรารักบ่อยๆ สะสมไว้เหมือนเงินฝากในธนาคาร ยิ่งทำมาก ยิ่งเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างความสุขไปพร้อมๆ กัน

4 มีอารมณ์ดี การมีอารมณ์ดีอยู่เป็นประจำ นอกจากช่วย ลดวามเครียดแล้ว ยังช่วยทำให้มีความสุขอีกด้วย นอกจากนี้  การมีอารมณ์ดีจะช่วยลดความขัดแย้ง ลดการทะเลาะกันได้ดีมากอีกด้วย ต่อไปนี้ คือ วิธีการ 4 อย่างที่จะช่วยให้คุณมี อารมณ์ดี คือ   1 นอนหลับสนิทวันละ 7 ชั่วโมง 2 ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย วัน เว้น วัน   3 ฝึกสมาธิ เดินจงกรม หรือ สวดมนต์อย่างน้อยวันละ 10 นาที  4 กินสมุนไพรที่ช่วย ปรับอารมณ์ลดความเครียด เช่น กระท่อมใบสด หรือ น้ำมันกัญ

5 มีทัศนคติที่ดี  ช่วยทำให้ ความสัมพันธ์ดีขึ้น ราบรื่น และลดความขัดแย้ง ได้แก่ การมีทัศนคติที่ว่า  4 ข้อ คือ 1 ต้องทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน 2 ต้องเข้าใจกัน 3 ต้องรู้จักให้อภัย 4 ต้องปรับตัวเข้าหากันในระดับพอดี

เอกสารอ้างอิง

1 Neuroscience. 2018 Aug 1;384:406-416.  

doi: 10.1016/j.neuroscience.2018.05.018. epub 2018 May 22

2  Time Magazine https://time.com/5321262/science-behind-happy-healthy-relationships/

3  

Exploring the Reciprocal Relationships between Happiness and Life Satisfaction of Working Adults-Evidence from Abu Dhabi.  Int J Environ Res Public Health

. 2022 Mar 17;19(6):3575. doi: 10.3390/ijerph19063575.

ก้าวแรก พื้นฐานทางการเงินต้องดีก่อน

 ทักษะพื้นฐานทางการเงินสำคัญมาก

อยากรวย  อยากมีอิสรภาพทางการเงิน   ควรเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ 3 ข้อ ก่อนก็คือ  

• มีรายได้พื้นฐานเพียงพอ
• ออมร้อยละ 10 - 20 ของรายได้
• ขยันศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน

                    เริ่มจากมีรายได้  หรือ มีงานทำ มีเงินเดือน สม่ำเสมอ โดยที่รายได้ต่อเดือนต้องมี มากพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ก่อน   ไม่น้อยจนเกินไป  จนไม่พอกิน   ไม่จำเป็นต้องมีรายได้มากมาย   แค่รายได้เดือนละ 15000 บาท ก็ สามารถเริ่มสร้างแผนเกษียณรวยได้แล้ว 

หากมีรายได้น้อยเกินไป  ทางแก้  คือ เปลี่ยนงาน หรือ  หารายได้เสริม

          

                              ส่วนสำคัญที่สองทางการเงิน  ที่สำคัญคือ  ออมให้ได้ ร้อยละ 10 -20 ของรายได้  ยกตัวอย่าง คุณมีรายได้เดือนละ 15000 บาท  คุณควร ออมได้เดือนละ 1500 - 3000 บาท โดยเราควร กันเงินออมไว้เลยแต่แรก  10% ของรายได้ กรณีรายได้ 15000  ต้องกันเงินไว้ออมขั้นต่ำ 1500 บาท  แล้ว ใช้จ่ายอย่างมีสติ คิดก่อนจ่ายเงิน  ไม่ใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย โดยใช้เงินในงบ 13500 บาท ให้ รอดไปถึงวันเงินเดือนออก หรือ รายได้งวดใหม่มา สมมุติว่า พอสิ้นเดือนมีเงินเหลือ 1000 บาท  เราอาจจะแบ่ง 500 บาท ไปใช้จ่ายตามใจ  อีก 500 บาท เอาไว้ออมเงิน ดังนั้น เดือนนี้ จะมีเงินออมรวม 1500+500 บาท หรือ 2000 บาทนั่นเอง คิดเป็น เงินออม ร้อยละ 13.33 ถือว่าทำได้ดีเลย 

 หากออมได้ไม่ถึงร้อยละ 10 ทางแก้ คือ กันเงินออกไปก่อนเลย 10% 

       แล้วพยายามอยู่ให้รอดในเงิน 90%ที่เหลือ ต้องทำบัญชีรับจ่ายทุกวัน  และ คิดดีๆ ก่อนจ่ายเงิน และ ต้องตัดรายจ่ายไม่จำเป็นทิ้งไปบ้าง

ขั้นสาม ขยันศึกษาเรื่องการเงิน การลงทุน บ่อยๆ   ข้อนี้ง่ายมาก  ในทุกวัน คุณควร ไปดู Youtube ดีๆ มากมายที่สอนเรื่องการเงิน  การลงทุน โดยกันเวลาไว้อย่างน้อย วันละ 30 นาที ดู คลิปวีดีโอ หรือ อ่านหนังสือ เรื่องการเงิน  การลงทุน สัก 2 ปี  ก็จะทำให้ คุณมีความรู้มากพอจะจัดการเงิน  การลงทุนของตัวเองได้ดี  ระดับนึงแล้ว 

การลงทุนระยะยาว

 การลงทุนระยะยาวทำให้เกษียณรวย

                      หากอยากรวยเมื่อยาวสูงอายุ    ตอนอายุช่วง 60-65 ปี  ควรมีเงินลงทุน ประมาณ 14 ล้านบาท  โดยลงทุนให้ได้ผลตอบแทน ประมาณ ปีละ หกถึงเจ็ดแสนบาทต่อปี ทำให้มีเงินใช้จ่ายประมาณเดือนละ ห้าหมื่นกว่าบาท   เมื่อเราตายไปเงินก้อนนี้ยังอยู่ในพอร์ตการลงทุน โดย ร่วมต้น เงินก้อนนี้   จะเริ่มจาก 14 ล้านบาท ผ่านไป 10-15 ปีเงินก้อนนี้ จะมีการเติบโตของมูลค่า 

                 อาจมีค่าถึง16-17 ล้านบาทเลย  ปัญหาคือ ช่วงวัยหนุ่ม  เราต้องลงทุนระยะยาว  เพื่อให้ สินทรัพย์เติบโตโดยลงทุนทุกเดือน จนเมื่อเราเกษียณ ให้ เงินทุนเติบโตไปถึง 14 ล้านบาทขึ้นไป  นี่ คือ สิ่งที่ต้องลงทุน

การลงทุนระยะยาว 

1. หุ้นเติบโต
2. หุ้นปันผล
3. กองทุนหุ้น
4. ที่ดิน
5. คริปโต

อยากรวยต้องคุมงบประมาณรายเดือน

 การจัดทำงบประมาณประจำเดือน

                            ผมเองรู้ตัวว่า  มีปัญหาเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน  บางเดือนติดลบ  แต่ผมก็มีเงินออมอยู่บ้าง จะเรียกว่า  เงินออมก็ไม่ถูกต้อง      มันคือการหักเงินเดือน  เข้าเป็นหุ้นสหกรณ์มากกว่า   โดยหักซื้อหุ้นทุกเดือน  เดือนละ 1500 บาท  ผ่านมาหลายปี   ทำให้ผมมีหุ้นสหกรณ์ ประมาณ สี่แสนบาท โดยมีการจ่ายปันผลปีละครั้งที่ร้อยละ 6.11   ซึ่งถือว่าไม่เลว  แต่ปัญหาเงินไม่พอใช้  ยังกวนใจผมเรื่อยมา  โดยเฉพาะเมื่อมีรายจ่ายไม่คาดฝันเกิดขึ้น  แถมยังมียอดหนี้บัตรเครดิตร อีกราวๆ เกือบเจ็ดหมื่นบาทในเดือน มกราคม 65

                         ผมจึงวางแผน  จัดสรรงบประมาณรายเดือน ตีคร่าวๆ พบว่า  ผมมีรายรับอยู่ ประมาณสี่หมื่นกว่าบาทหลังหักหนี้สหกรณ์   ยอดหนี้สหกรณ์อยู่ราว 2.35 ล้านบาท ผมมีรายจ่ายประจำประมาณสามหมื่นกว่าบาท  ทำให้เหลือเงินใช้ต่อเดือน  อยู่ที่่ หมื่นต้นๆ  คิดหารแล้ว ตกมีเงินใช้รายวัน วันละ 378 บาท  อืมน่าจะพอไหว  ผมจึงกำหนดงบรายจ่ายต่อวัน  และติดตามการใช้จ่ายทุกวัน

สรุปการกำหนดงบประมาณรายเดือน  มกราคม 65

• ประมาณยอดรายรับทั้งเดือน โดยดูจาก การเดินบัญชีธนาคารเดือนก่อน
• ดูรายจ่ายประจำว่า มีอะไรบ้าง ได้แก่  เงินให้ภรรยา  ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์  ค่าน้ำ  หนี้ประจำ  ค่าเน็ตบ้าน ค่า netflix  ค่ าYouTube  เป็นต้น นำมาใช้ใน google sheet หรือ excel 
• ดูเงินที่น่าจะออมได้ เดือนแรกคิดว่า สักพันบาทก่อน
• เงินเหลือ เอามาหาร 30 วัน ตกวันละ 378 บาท 

                                เวลาเงินรับจ่ายจริง มีค่าไฟถูกลง 200 ค่า แอป storytel เพิ่มมา แต่มีเงินรายรับเพิ่ม ทำให้ปรับงบรายจ่ายเป็นวันละ 390 บาท จะได้ไม่อึดอัดไป  มาวันนี้ ผ่านมา ยี่สิบวันแล้วคาดว่าจะเหลือเงิน ใช้จ่ายต่ำกว่า งบประมาณ ราวๆ สามพันกว่าบาท จะเอามาออมเพิ่ม    โดยตอนแรก ออมใน ฝากประจำกรุงไทย ดอกเบี้ยร้อยละ 0.34  โยกมาฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ ดอกเบี้ย ร้อยละ 3 ต่อปีจะดีกว่า  จะถอนเงินก็ง่ายกว่าด้วย  พอทำงบประมาณรายเดือน รายวัน  และ บันทึกรายจ่ายทุกวัน ทุกรายการกลับมีเงินเหลือเกิน สามพันบาท  เสียอย่างนั้น  มันดี มันคุ้มมาก  โง่อยู่ตั้งนาน ที่ไม่ทำ

1 งบประมาณรายเดือน รายวัน   2 บัญชีใช้จ่ายรายวัน 

และนี่ คือก้าวแรก สู่อิสระภาพทางการเงินครับผม

การทำบัญชีรายจ่ายแบบง่าย ด้วยตนเอง

 ขั้นตอนการทำบัญชีรับจ่าย ด้วย google sheet แสนง่าย

             การทำบัญชีรับจ่าย   นับเป็นขั้นตอนสำคัญของ การเริ่มต้น สู่อิสรภาพทางการเงิน  เพราะ ว่า บัญชีรับจ่าย จะทำให้เรารู้ที่มาที่ไปของเงินเข้า      เงินออก เมื่อเรารู้ เราจะรู้ตัว ว่าเราจ่ายเงินไปแบบฟุ่มเฟือย หรือไม่ รายจ่ายส่วนไหนประหยัดได้   และยังสามารถประเมินรายรับ รายได้ว่าเพียงพอ  หรือไม่ คนที่ยากจน มีหนี้สินมาก บางคน ยากจน เพราะรายจ่ายมากเกิน    บางคนยากจนเพราะรายรับน้อยเกินไป  และ หลายคนรายรับน้อยเกินไป พร้อมๆ กับ รายจ่ายที่มากเกินไป  คนแบบนี้แหละโคตรจนเลย

1 เข้า   google drive สร้างไฟล์แบบ sheet   โดยใช้คำสั่ง +New

2 ตั้งชื่อไฟล์ว่า บัญชีรับจ่ายเพื่ออนาคตที่มั่นคง หรือ ชื่อ สร้างสรรค์อื่น

สำหรับคนทั่วไป รายการจ่าย จะมีมาก ให้แยก ไว้ .sheet รายจ่ายเฉพาะ  ส่วนรายรับ  แยกเป็นรายเดือน ก็มีอีกต่างหาก 

3 ตรวจดู รายจ่าย รายรับว่า เป็นตามแผน หรือ ไม่โดยกำหนดงบรายวันเลย อย่างผมเอง กำหนดรายจ่าย ไว้วันละ 378 บาท   หากพบว่า เริ่มจ่ายมากเกินไป ต้องลดการใช้เงินลง ในแต่ละวัน

4 เมื่อสิ้นเดือน มีเงินเหลือ เพราะใช้จ่ายไม่ถึง วันละ 378 บาท ก็แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกเอาไปจ่ายตามใจ ส่วนสอง นำไปออมในบัญชีที่ถอนออกได้ ไม่ยากเกินไป

5 รายการใน sheet รายจ่าย ได้แก่  วันเดือนปี รายการจ่าย จำนวนเงิน งบประจะวัน ยอดเหลือ หักรวม และ รายการพิเศษ 

วัน เดือน ปี

รายการจ่าย

จำนวนเงิน

งบประจำวัน

ยอดเหลือ

หักรวม

รายการพิเศษ

ก้าวแรก สู่ความรวย บัญชีรับจ่าย

 อยากปลดหนี้ ต้องทำบัญชีรับจ่าย

                                       รายได้มากมาย  อาจไม่สำคัญ หากหาเงินได้มากมาย  แต่ไม่มีเงินเหลือออม เหลือเก็บเลย   ผมเคยเห็นกับตามาแล้วที่คนเงินเดือน 15,000 บาท รวยชนะ คนเงินเดือน 150,000 บาทได้  เรียกว่า คนเงินเดือน 15000 บาท ถ้ารู้จัก ใช้จ่าย  รู้จักลงทุน 30 ปี ผ่านไป คนเงินเดือน 15,000 มีเงิน และ สินทรัพย์ มากกว่า คนเงินเดือน 150,000 บาท มากกว่า 30 เท่า   โดยดูจากเปลือกนอก คนเงินเดือนแสนห้า อาจมีรถหรูราคาแพง บ้านสวยหลังใหญ่   ชีวิตไป ตีกอล์ฟ  เที่ยวต่างประเทศ  อาจมีเงินในบัญชีธนาคาร ไม่กี่หมื่นบาท  และ มีหนี้อีกหลายล้านบาท    ในทางตรงกันข้าม คนเงินเดือนหมื่นห้า กลับมีเงินฝากธนาคาร 30 ล้านบาท  และ มีสินทรัพย์อื่นอีก นับ ร้อยล้านบาท  เมื่อเวลาผ่านไป

                                 

                             รู้ไหมทำไม  เพราะอะไร  เพราะเงินเงินเดือนแสนห้า  ใช้จ่าย เดือนละแสนเจ็ดไง ส่วน คนเงินเดือนหมื่นห้าใช้จ่ายประหยัด รู้จักกู้เงินะนาคารมาลงทุน มาทำธุรกิจจนร่ำรวยหลักร้อยล้านบาท  ส่วนไอ้คนเงินเดือนแสนห้า กู้เงินมาซื้อรถหรู ซื้อบ้านราคาแพง นับสิบล้านบาท และมีรายจ่ายอื่นๆ  มากจนเกินเงินเดือนไงครับ   อยากรู้ไหมคุณมีรายจ่ายเท่าไหร่ เงินหมดเงินไปกับอะไร  เริ่ม ทำบัญชีเงินรับจ่ายวันนี้เลยครับ ดีมากผมขอบอก นี่คือก้าวแรกแห่ง ความร่ำรวย รู้รายรับ รายจ่าย   และ อย่ากู้เงินเพื่อซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย  รถหรู บ้านหลังใหญ่   แต่ ควรกู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจอย่าง รอบคอบมี ความรู้จะดีกว่าครับ

เงินใช้จ่ายยามเกษียณ

 เตรียมเงินไว้ใช้ตอนแก่

                 ผมเป็นข้าราชการ    คงได้บำนาญเดือนละ 35000-40000 บาท  ในอีก 10 ปี ข้างหน้า  แต่ถ้า ผมมีเงินให้ใช้ สบายๆ สักเดือนละ 100000 บาท  ผมว่า อยู่ได้สบายแหละ   แต่เงิ่อนไขก็คือ ปลอดหนี้  แล้วเงินแสนบาท  เอาไว้ใช้จริง แค่เดือนละ 90000 บาท  ส่วน 10000 บาท นำไปออมและลงทุน  อย่างสม่ำเสมอ แบบนี้ อยู่ได้สบาครับ  นี่้ คือ แหล่ง  passive income ที่ผมเตรียมไว้

1. เงินบำนาญ
2. ปันผลหุ้น
3. ค่าเช่าบ้าน
4. ปันผลสหกรณ์
5. ค่าลิขสิทธิหนังสือ  หรือ Ebook